การส่งเสริมพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยด้วยเกมกีฬา

ซูเว่ย หยาง, พีระพร รัตนาเกียรติ์
{"title":"การส่งเสริมพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยด้วยเกมกีฬา","authors":"ซูเว่ย หยาง, พีระพร รัตนาเกียรติ์","doi":"10.60027/iarj.2024.275700","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การที่เด็กต้องการเล่นกับเพื่อนและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการอิสระที่จะเรียนรู้ประสบการณ์รอบตัว ต้องการได้รับกำลังใจ และคำชมจากผู้ใหญ่ เป็นการตอบสนองความต้องการทางสังคมของเด็กปฐมวัย         การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการเล่นเกมกีฬา\nระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ เด็กปฐมวัยอายุ 5 - 6 ปี จำนวน 15 คน โรงเรียนอนุบาล Huilong Yayuan เขต Longgang เซินเจิ้นมณฑลกวางตุ้ง โดยมีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sample) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดประสบการณ์เกมกีฬา จำนวน 8 แผน ได้แก่ 1) พาน้ำกลับบ้าน 2) นกหารัง 3) ปิดตาตามหาสมบัติ 4) วิ่งกระสอบเก็บลูกบอล 5) มดไต่ขอน 6) เก้าอี้ดนตรี 7) พาไข่เดิน 8) วิ่งสามขาทรงพลัง แบบประเมินพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัย จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการแบ่งปัน ด้านการช่วยเหลือ และด้านความร่วมมือ โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ Pre - Experimental Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละความก้าวหน้า\nผลการวิจัย: ค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยหลังการเล่นเกมกีฬา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.46 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 2.09 สูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรมเกมกีฬา ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 11.13 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 1.71 โดยมีร้อยละของความก้าวหน้าเท่ากับ 56.58\nสรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเล่นกีฬาส่งผลดีต่อพฤติกรรมทางสังคมของเด็กเล็กแสดงให้เห็นได้จากค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 11.13 เป็น 15.46 โดยมีเปอร์เซ็นต์ความก้าวหน้าที่ตรงกันที่ 56.58%","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"113 S1","pages":""},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2024-06-06","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":"{\"title\":\"การส่งเสริมพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยด้วยเกมกีฬา\",\"authors\":\"ซูเว่ย หยาง, พีระพร รัตนาเกียรติ์\",\"doi\":\"10.60027/iarj.2024.275700\",\"DOIUrl\":null,\"url\":null,\"abstract\":\"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การที่เด็กต้องการเล่นกับเพื่อนและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการอิสระที่จะเรียนรู้ประสบการณ์รอบตัว ต้องการได้รับกำลังใจ และคำชมจากผู้ใหญ่ เป็นการตอบสนองความต้องการทางสังคมของเด็กปฐมวัย         การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการเล่นเกมกีฬา\\nระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ เด็กปฐมวัยอายุ 5 - 6 ปี จำนวน 15 คน โรงเรียนอนุบาล Huilong Yayuan เขต Longgang เซินเจิ้นมณฑลกวางตุ้ง โดยมีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sample) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดประสบการณ์เกมกีฬา จำนวน 8 แผน ได้แก่ 1) พาน้ำกลับบ้าน 2) นกหารัง 3) ปิดตาตามหาสมบัติ 4) วิ่งกระสอบเก็บลูกบอล 5) มดไต่ขอน 6) เก้าอี้ดนตรี 7) พาไข่เดิน 8) วิ่งสามขาทรงพลัง แบบประเมินพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัย จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการแบ่งปัน ด้านการช่วยเหลือ และด้านความร่วมมือ โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ Pre - Experimental Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละความก้าวหน้า\\nผลการวิจัย: ค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยหลังการเล่นเกมกีฬา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.46 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 2.09 สูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรมเกมกีฬา ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 11.13 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 1.71 โดยมีร้อยละของความก้าวหน้าเท่ากับ 56.58\\nสรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเล่นกีฬาส่งผลดีต่อพฤติกรรมทางสังคมของเด็กเล็กแสดงให้เห็นได้จากค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 11.13 เป็น 15.46 โดยมีเปอร์เซ็นต์ความก้าวหน้าที่ตรงกันที่ 56.58%\",\"PeriodicalId\":505621,\"journal\":{\"name\":\"Interdisciplinary Academic and Research Journal\",\"volume\":\"113 S1\",\"pages\":\"\"},\"PeriodicalIF\":0.0000,\"publicationDate\":\"2024-06-06\",\"publicationTypes\":\"Journal Article\",\"fieldsOfStudy\":null,\"isOpenAccess\":false,\"openAccessPdf\":\"\",\"citationCount\":\"0\",\"resultStr\":null,\"platform\":\"Semanticscholar\",\"paperid\":null,\"PeriodicalName\":\"Interdisciplinary Academic and Research Journal\",\"FirstCategoryId\":\"1085\",\"ListUrlMain\":\"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275700\",\"RegionNum\":0,\"RegionCategory\":null,\"ArticlePicture\":[],\"TitleCN\":null,\"AbstractTextCN\":null,\"PMCID\":null,\"EPubDate\":\"\",\"PubModel\":\"\",\"JCR\":\"\",\"JCRName\":\"\",\"Score\":null,\"Total\":0}","platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275700","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0

摘要

ภูมิหลังและวัตถุประสงค์:การที่เด็กต้องการเล่นกับเพื่อนและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการอิสระที่จะเรียนรู้ประสบการณ์รอบตัว ต้งงการได้รับกำลังใจ และคำชมจากผู้ใหญ่เป็นการตอบสนองความต้องการทางสังคมของเด็กปฐมวัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการเล่นเมกีฬาระเบียบวิธีการวจัย:เด็กปฐมวัยอายุ 5 - 6 ปี จำน: เด็กปฐมวัยอายุ 5 - 6 ปี จำน: เด็กปฐมวัยอายุ 5 - 7 ปี จำน: เด็กปฐมวัยอายุ 5 - 86 เปี จำนวน 15 คน โรงเรียนอนุบาล Huilong Yayuan เขต Longgang เซินเจิ้นมณฑลกวางตุ้ง โดยมีการเลือกแบเจาะจง (Purposive Sample)เครืองมือที่ใช้ในการวจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดประสบการณ์เมกีฬา จำนวน 8 แผน ได้แก่ 1) พาน้ำกลับบ้าน 2) นกหารัง 3) ปิดตาตมหาสมบัติ4) วิ่งกระสอบเก็บลูกอบล 5) มดไต่ขอน 6) เก้าอี้ดนตรี 7) พาไข่เดิน 8) วิ่งสามขาทรงพลัง แบบประเมินพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยจำนวน 3 ด้าน เด้านการแบ่งปัน ด้านการช่วยเหลือ และด้านความร่วมืมอ โดยใช้บแบแผนการทดลองแบ Pre - -实验设计 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แกค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละควาก้าวหน้าผลการวิจัย:ค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยหลังการเล่นเกมกีฬา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.46 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 2.09 สูงขึ้นวก่ากอนการจัดกจิกรมเมกีฬา ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 11.13 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 1.71 โดยมีร้อยละของความก้าวนเท่ากับ 56.58สรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเล่นกีฬาส่งผลดีต่อพฤติกรรมทางสังคมของเด็กเล็กแสดงให้เห็นได้จากค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 11.13 เป็น 15.46 โดยมีเปอร์เซ็นต์ความก้าวหน้าที่ตรงกันที่ 56.58%
本文章由计算机程序翻译,如有差异,请以英文原文为准。
查看原文
分享 分享
微信好友 朋友圈 QQ好友 复制链接
本刊更多论文
การส่งเสริมพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยด้วยเกมกีฬา
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การที่เด็กต้องการเล่นกับเพื่อนและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการอิสระที่จะเรียนรู้ประสบการณ์รอบตัว ต้องการได้รับกำลังใจ และคำชมจากผู้ใหญ่ เป็นการตอบสนองความต้องการทางสังคมของเด็กปฐมวัย         การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการเล่นเกมกีฬา ระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ เด็กปฐมวัยอายุ 5 - 6 ปี จำนวน 15 คน โรงเรียนอนุบาล Huilong Yayuan เขต Longgang เซินเจิ้นมณฑลกวางตุ้ง โดยมีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sample) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย แผนการจัดประสบการณ์เกมกีฬา จำนวน 8 แผน ได้แก่ 1) พาน้ำกลับบ้าน 2) นกหารัง 3) ปิดตาตามหาสมบัติ 4) วิ่งกระสอบเก็บลูกบอล 5) มดไต่ขอน 6) เก้าอี้ดนตรี 7) พาไข่เดิน 8) วิ่งสามขาทรงพลัง แบบประเมินพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัย จำนวน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการแบ่งปัน ด้านการช่วยเหลือ และด้านความร่วมมือ โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ Pre - Experimental Design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละความก้าวหน้า ผลการวิจัย: ค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยหลังการเล่นเกมกีฬา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.46 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 2.09 สูงขึ้นกว่าก่อนการจัดกิจกรรมเกมกีฬา ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 11.13 ค่าส่วนเบี่ยงมาตรฐานเท่ากับ 1.71 โดยมีร้อยละของความก้าวหน้าเท่ากับ 56.58 สรุปผล: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเล่นกีฬาส่งผลดีต่อพฤติกรรมทางสังคมของเด็กเล็กแสดงให้เห็นได้จากค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 11.13 เป็น 15.46 โดยมีเปอร์เซ็นต์ความก้าวหน้าที่ตรงกันที่ 56.58%
求助全文
通过发布文献求助,成功后即可免费获取论文全文。 去求助
来源期刊
自引率
0.00%
发文量
0
期刊最新文献
ปัจจัยการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อ ภาวะหมดไฟในการทำงานของครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิษณุโลก อุตรดิตถ์ แนวทางการพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก Storytelling in the Digital Age: How It Came to be and what should or Should Not Be Done ผลของการใช้กลวิธี REAP ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาวะผู้นำที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาในยุคดิจิทัลสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี
×
引用
GB/T 7714-2015
复制
MLA
复制
APA
复制
导出至
BibTeX EndNote RefMan NoteFirst NoteExpress
×
×
提示
您的信息不完整,为了账户安全,请先补充。
现在去补充
×
提示
您因"违规操作"
具体请查看互助需知
我知道了
×
提示
现在去查看 取消
×
提示
确定
0
微信
客服QQ
Book学术公众号 扫码关注我们
反馈
×
意见反馈
请填写您的意见或建议
请填写您的手机或邮箱
已复制链接
已复制链接
快去分享给好友吧!
我知道了
×
扫码分享
扫码分享
Book学术官方微信
Book学术文献互助
Book学术文献互助群
群 号:481959085
Book学术
文献互助 智能选刊 最新文献 互助须知 联系我们:info@booksci.cn
Book学术提供免费学术资源搜索服务,方便国内外学者检索中英文文献。致力于提供最便捷和优质的服务体验。
Copyright © 2023 Book学术 All rights reserved.
ghs 京公网安备 11010802042870号 京ICP备2023020795号-1