{"title":"การศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2","authors":"ศุภพันธุ์ สุพรม, ดวงพร อุ่นจิตต์","doi":"10.60027/iarj.2024.275642","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2 ได้แสดงถึงเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาหรือปรับปรุงระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากการศึกษา เรื่อง การศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2 โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย (1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2 (2) เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2\nระเบียบวิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสํารวจ (Survey Research) เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มประชากร จำนวน 213 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (µ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) และค่าดัชนี PNImodified เพื่อจัดลำดับความต้องการจำเป็น\nผลการวิจัย: การบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2 โดยรวมมีสภาพปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และมีสภาพที่พึงประสงค์มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เช่นเดียวกัน เมื่อพิจารณารายด้านของสภาพปัจจุบันด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการประเมินผล มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ด้านการวางแผนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และด้านการนำแผนไปปฏิบัติมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ เมื่อพิจารณารายด้านของสภาพที่พึงประสงค์ด้านที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากสูงสุด คือ ด้านการประเมินผล มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก รองลงมา คือ ด้านการวางแผนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากและด้านการนำแผนไปปฏิบัติ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ สำหรับความต้องการจำเป็นของการบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2 ลำดับที่ 1 คือ ด้านการนำแผนไปปฏิบัติ (PNImodified = 0.120) รองลงมา คือ ด้านการวางแผน (PNImodified = 0.111) และ ด้านการประเมินผล (PNImodified = 0.108)\nสรุปผล: ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันระบบจัดเก็บเอกสารของสถานศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปางอยู่ในระดับสูง ทั้งสถานะที่ต้องการและสถานะปัจจุบัน บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในด้านต่างๆ เช่น การวางแผน การประเมินผลการปฏิบัติงาน และการดำเนินการตามแผน นอกจากนี้ การศึกษายังเน้นย้ำถึงประเด็นต่างๆ ที่ควรได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกสำหรับการปรับปรุง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมุ่งเน้นที่การดำเนินการ การวางแผน และการประเมิน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการจัดการระบบจัดเก็บเอกสาร","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"29 46","pages":""},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2024-06-06","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.275642","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
การศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์:สำนักงานเขตพื้นที่ากรศึกษาประถมศึกษาปำาง เต 2 ได้แสดงถึงเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาหอปรับรุงระบบารจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณใหม้ีประสิทธิภาพมากยิ่งข้อน จากการศึกษา เรออืการศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหาระบการจัดเก็บจ้อมูลงานสารบรณของสถานศึกษา สังกดสำนังกาเนขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปง เขต 2 โดยมีวัตถประสงค์ของการวจัย(1) เพื่อศึษาสาพจปัจุบันแลสะภาพที่พึงประสงค์ของการบริหาระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรรณของถานศึษา สังกัดสำนกังานเขตพืนที่ารศึษาประถมศึษาลปำาง เขต 2 (2)เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นเขอกอรบิหารระบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรณของงสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลปำาง เขต 2ระเบียบวิธีการวิจัย:การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสํารจว (Survey Research) เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มประชากร จำนวน 213 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโยดใช้แบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดยใชส้ถิติพื้นฐาน ได้แก่ค่าเฉลี่ย (µ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) และค่าดัชนี PNImodified เพื่อจัดลำดับความต้องกาจรำเป็นผลการวิจัย:ศึกษา สังกัดสำนักงนเตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เต 2โดยรวมมีสภาพปัจุบันมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และมีสภาพที่พึงประสงค์มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดัมบาก เชน่เดียวกันเมอืพิจารณารายด้านของสภาพปัจจุบันด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการประเมินผล มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากรองลงมาคือ ด้านการวางแผนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก และด้านการนำแผนไปปฏิบัติมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากตามลำดับ เมื่อพิจารณารายด้านของสภาพที่พึงประสงค์ด้านที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากสูงสุด คือ ด้านการประเมินผลมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากรองลงมา คือ ด้านการวางแผนมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากและด้านการนำแผนไปปฏิบตัิมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ สำหรับความต้องการจำเป็นของการบริหาระบบการจัดเก็บข้อมูลงานสารบรณของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2 ลำดับที่ 1 คือ ด้านการนำแผนไปฏิบัติ (PNImodified = 0.120)รองลงมา คือ ด้านากรวางแผน (PNImodified = 0.111) และ ด้านาการประเมินผล (PNImodified = 0.108)สรุปผล:ทั้งสถานะที่ต้องการและสถานะปัจจุบัน บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งในด้านต่างๆ เช่น การวางแผน การประเมินผลารปฏิบัติงานและารดำเนินการตามแผน นอจกากนี้ การศึษกายังเน้นย้ำถึงประเด็นต่างๆ ที่ควรได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกสำรับารปรับปรุงโดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการม่งเน้นที่ารดำเนินากร การวางแผน และการประเมิน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผของการจัดการะบจัดเก็บอกเสาร
本文章由计算机程序翻译,如有差异,请以英文原文为准。