{"title":"ภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเรียนร่วม ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร","authors":"ศศิกาญจน์ อ่าววิจิตรกุล, ธีระภาพ เพชรมาลัยกุล","doi":"10.60027/iarj.2024.276825","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: ภาวะผู้นำวิชาการในศตวรรษที่ 21 เป็นทักษะ พฤติกรรม แนวทางปฏิบัติที่สำคัญต่อการพัฒนาการบริหารการจัดการเรียนในสถานศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการเรียนร่วมของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เมื่อผู้บริหารมีภาวะผู้นำวิชาการในศตวรรษที่ 21 จะส่งผลให้สามารถบริหารจัดการเรียนร่วมได้อย่างดี เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ขององค์กร การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาระดับการบริหารจัดการเรียนร่วม ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระห่างภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 และการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 4) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร\nระเบียบวิธีการวิจัย: ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ ครูการศึกษาพิเศษและครูที่เกี่ยวข้องในสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 158 โรงเรียน ผู้วิจัยเลือกใช้ตารางสำเร็จรูปของ (Krejcie & Morgan, 1970) จำนวน 186 คน ค่าเชื่อมั่นของเครื่องมือเท่ากับ .837 สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและการถดถอยพหุคูณแบบวิธีการนำตัวแปรเข้าทั้งหมด\nผลการวิจัย: (1) ระดับภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 และระดับการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยรวมอยู่ในระดับมาก (2) ภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21ของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับสถิติที่ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r)= .856* แสดงว่าตัวแปรทั้งสองตัวมีความสัมพันธ์ในระดับสูง (3) โดยภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 พยากรณ์การบริหารจัดการเรียนร่วม ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้ร้อยละ 73.5\nสรุปผล : ผลวิจัยสรุปว่า ภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 และระดับการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือด้านพัฒนาบุคลากรและด้านนักเรียน ภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21ของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับสถิติที่ .01 ซึ่งชี้ว่าภาวะผู้นำวิชาการและการบริหารจัดการเรียนร่วมมีความสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาบุคลากรและด้านเครื่องมือมีความสัมพันธ์มากที่สุด และภาวะผู้นำวิชาการในศตวรรษที่ 21 สามารถพยากรณ์การบริหารจัดการเรียนร่วมได้ โดยด้านการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้มีอำนาจพยากรณ์สูงสุด","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"33 11","pages":""},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2024-07-24","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":null,"platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.276825","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0
ภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเรียนร่วม ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
ภูมิหลังและวัตถุประสงค์:ภาวะผู้นำวิชาการในศตวรรษที่ 21 เป็นทักษะ พฤติกรรม แนวทางปฏิบัติที่สำคัญต่อการพัฒนาการบริหารการจัดการเรียนในสถานศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการเรียนร่วมของเด็กที่มีความต้องการพิเศษเมื่อผู้บริหารมีภาวะผู้นำวิชาการในศตวรรษที่ 21 จะส่งผลให้สามารถบริหารจัดการเรียนร่วมได้อย่างดี เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ขององค์กร การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพือศึกษาระดับภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 2) เพือศึกษาระดับการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 3) เพอือศึกษาความสัมพันธ์ระหา่งภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตรรษที่21 และการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 4) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครระเบียบวิธีการวิจัย:ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ ครูการศึกษาพิเศษและครูที่เเกี่ยวขอ้งใช้ในสถานศึกษา สังกัดารุงเทพมหานคร จำนวน 158 โรงเรียน ผู้วิจัยเลอืกใช้ตารางสำเร็จรูของ (Krejcie & Morgan、1970) จำนวน 186 คน ค่าเชื่อมั่นของเครื่องมือเท่ากับ .837 สถิติที่ใช้ในการวจัยได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์หสัมพันธ์แบบเพียร์สันและการถดถอยพหุคูณแบบวิธีการนำตัวแปรเข้าทั้งหมดผลการวจัย:(1) ระดับภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรษที่ 21 และระดับการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยรวมอยู่ในระดับมาก (2)ภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรษที่ 21ของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับารบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับสถิติที่ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (r)= .856* แสดงว่าตัวแปรทั้งสองตัวมีความสัมพันธ์ในระดับสูง (3) โดยภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรษที่ 21 พยากรณ์การบริหารจัดการเรียนร่วม ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ไดร้อยละ 73.5สรุปผล :ผลวิจัยสรุปว่า ภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรรษที่ 21 และระดับการบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือด้านพัฒนาบุคลากรและด้านนักเรียนภาวะผู้นำเชิงวิชาการในศตวรษที่ 21ของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กับารบริหารจัดการเรียนร่วมในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับสถิติที่ .01 ึซ่งชี้ว่าภาวะผู้นำวิชาการและการบิหาจัดการเรียนร่วมีความสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาบุคลากรและด้านเครอือมีความสัมพันธ์มากที่สุดและภาวะผู้นำวิชาการในศตวรษที่ 21 สามารถพยากรณ์การบริหาจรัดการเรียนร่วมได้โดยด้านการสร้างเครอขา่ยการเรียนรู้มีอำนาจพยากรณ์สูงสุด
本文章由计算机程序翻译,如有差异,请以英文原文为准。