{"title":"ผลของการใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5","authors":"วิชิดา อุ่นใจ, เด่นดาว ชลวิทย์","doi":"10.60027/iarj.2024.277001","DOIUrl":null,"url":null,"abstract":"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การอ่านเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และช่วยให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย การอ่านอย่างคล่องแคล่วและเข้าใจความหมายจะนำมาซึ่งความรู้ และส่งเสริมให้เกิดการคิดวิเคราะห์ มีวิจารณญาณ และประยุกต์ใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต หากนักเรียนมีความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ จะส่งผลให้เป็นคนมีความรอบรู้ มีเหตุผล และคิดรอบคอบก่อนตัดสินใจ ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาวิธีการสอนแบบ SQ5R เพื่อมาใช้ในการสอนอ่าน เพราะเป็นวิธีการสอนที่มีขั้นตอนอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมโยงความรู้ด้วยการสะท้อนความคิด อีกทั้งสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านกระบวนการอภิปรายร่วมกัน ก่อให้เกิดความเข้าใจในบทอ่านมากยิ่งขึ้น โดยการวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถ ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R\nระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 41 คน ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R จำนวน 3 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่าน เชิงวิเคราะห์ แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในทดสอบสมมติฐานคือทดสอบค่า (t–test dependent)\nผลการวิจัย คะแนนความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.98 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 4.03 และหลังใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 21.27 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.63 สรุปได้ว่า ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนโดยใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05\nสรุปผล: หลังจากได้รับการสอนโดยใช้วิธี SQ5R ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่ระบุโดยข้อมูล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05","PeriodicalId":505621,"journal":{"name":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","volume":"58 12","pages":""},"PeriodicalIF":0.0000,"publicationDate":"2024-07-24","publicationTypes":"Journal Article","fieldsOfStudy":null,"isOpenAccess":false,"openAccessPdf":"","citationCount":"0","resultStr":"{\"title\":\"ผลของการใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R ที่มีต่อความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5\",\"authors\":\"วิชิดา อุ่นใจ, เด่นดาว ชลวิทย์\",\"doi\":\"10.60027/iarj.2024.277001\",\"DOIUrl\":null,\"url\":null,\"abstract\":\"ภูมิหลังและวัตถุประสงค์: การอ่านเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และช่วยให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย การอ่านอย่างคล่องแคล่วและเข้าใจความหมายจะนำมาซึ่งความรู้ และส่งเสริมให้เกิดการคิดวิเคราะห์ มีวิจารณญาณ และประยุกต์ใช้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิต หากนักเรียนมีความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ จะส่งผลให้เป็นคนมีความรอบรู้ มีเหตุผล และคิดรอบคอบก่อนตัดสินใจ ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้ศึกษาวิธีการสอนแบบ SQ5R เพื่อมาใช้ในการสอนอ่าน เพราะเป็นวิธีการสอนที่มีขั้นตอนอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมโยงความรู้ด้วยการสะท้อนความคิด อีกทั้งสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านกระบวนการอภิปรายร่วมกัน ก่อให้เกิดความเข้าใจในบทอ่านมากยิ่งขึ้น โดยการวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความสามารถ ในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R\\nระเบียบวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนวัดดอนเมือง (ทหารอากาศอุทิศ) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 41 คน ได้มาโดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านเชิงวิเคราะห์ โดยใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R จำนวน 3 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่าน เชิงวิเคราะห์ แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติที่ใช้ในทดสอบสมมติฐานคือทดสอบค่า (t–test dependent)\\nผลการวิจัย คะแนนความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ก่อนใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.98 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 4.03 และหลังใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 21.27 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 3.63 สรุปได้ว่า ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนโดยใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05\\nสรุปผล: หลังจากได้รับการสอนโดยใช้วิธี SQ5R ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามที่ระบุโดยข้อมูล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05\",\"PeriodicalId\":505621,\"journal\":{\"name\":\"Interdisciplinary Academic and Research Journal\",\"volume\":\"58 12\",\"pages\":\"\"},\"PeriodicalIF\":0.0000,\"publicationDate\":\"2024-07-24\",\"publicationTypes\":\"Journal Article\",\"fieldsOfStudy\":null,\"isOpenAccess\":false,\"openAccessPdf\":\"\",\"citationCount\":\"0\",\"resultStr\":null,\"platform\":\"Semanticscholar\",\"paperid\":null,\"PeriodicalName\":\"Interdisciplinary Academic and Research Journal\",\"FirstCategoryId\":\"1085\",\"ListUrlMain\":\"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.277001\",\"RegionNum\":0,\"RegionCategory\":null,\"ArticlePicture\":[],\"TitleCN\":null,\"AbstractTextCN\":null,\"PMCID\":null,\"EPubDate\":\"\",\"PubModel\":\"\",\"JCR\":\"\",\"JCRName\":\"\",\"Score\":null,\"Total\":0}","platform":"Semanticscholar","paperid":null,"PeriodicalName":"Interdisciplinary Academic and Research Journal","FirstCategoryId":"1085","ListUrlMain":"https://doi.org/10.60027/iarj.2024.277001","RegionNum":0,"RegionCategory":null,"ArticlePicture":[],"TitleCN":null,"AbstractTextCN":null,"PMCID":null,"EPubDate":"","PubModel":"","JCR":"","JCRName":"","Score":null,"Total":0}
引用次数: 0